การพัฒนาระบบสาธิตขนาดอุตสาหกรรมเพื่อการผลิตก๊าซชีวภาพจากกากมันสำปะหลังที่อุณหภูมิสูง(ชื่อเดิม: การพัฒนาระบบสาธิตขนาดอุตสาหกรรมและถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตก๊าซชีวภาพจากกากมันสำปะหลังที่อุณหภูมิสูง)
บทวิเคราะห์งานวิจัย
งานวิจัยนี้มุ่งเน้นการพัฒนาระบบผลิตก๊าซชีวภาพจากกากมันสำปะหลังที่อุณหภูมิสูง (thermophilic anaerobic digestion) ซึ่งเป็นกระบวนการที่มีศักยภาพสูงในการเปลี่ยนของเสียทางการเกษตรให้เป็นพลังงานทดแทน ปัญหาสำคัญของการใช้กากมันสำปะหลังในการผลิตก๊าซชีวภาพคือสัดส่วนคาร์บอนต่อไนโตรเจน (C/N ratio) ที่ไม่เหมาะสม ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของจุลินทรีย์ที่ย่อยสลายสารอินทรีย์ลดลง งานวิจัยนี้จึงมุ่งแก้ปัญหานี้โดยการศึกษาหาสัดส่วน C/N ratio ที่เหมาะสมที่สุด และการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบโดยการควบคุมอุณหภูมิอย่างเหมาะสม
การศึกษาเริ่มต้นจากการทดลองในห้องปฏิบัติการเพื่อหาค่าพารามิเตอร์ที่เหมาะสม ผลการทดลองพบว่าการเพิ่มไนโตรเจนจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการย่อยสลายสารอินทรีย์ โดยสัดส่วน C/N ratio ที่ 133 และอุณหภูมิ 45 องศาเซลเซียส ให้ผลผลิตมีเทนสูงสุด นอกจากนี้ยังศึกษาผลของอัตราการเพิ่มอุณหภูมิต่อประสิทธิภาพการทำงานของระบบ พบว่าการเพิ่มอุณหภูมิอย่างค่อยเป็นค่อยไป (2 องศาเซลเซียส/ครั้ง) ให้ผลดีกว่าการเพิ่มอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว (5 องศาเซลเซียส/ครั้ง) เพราะช่วยให้จุลินทรีย์ปรับตัวได้ดีขึ้นและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขั้นตอนต่อไปคือการสร้างระบบสาธิตขนาดอุตสาหกรรม เพื่อทดสอบผลลัพธ์จากการทดลองในห้องปฏิบัติการ ผลการทดสอบในระบบขนาดอุตสาหกรรมแสดงให้เห็นว่าการควบคุมอุณหภูมิและอัตราการป้อนสารอินทรีย์อย่างเหมาะสมสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตก๊าซชีวภาพได้อย่างมีนัยสำคัญ สามารถเพิ่มปริมาณการผลิตก๊าซชีวภาพจาก 52.05 m3/ตันกากสด เป็น 55.47 m3/ตันกากสด หรือเทียบเป็นปริมาณของแข็งแห้งเพิ่มขึ้นจาก 359.09 เป็น 424.49 m3/ตันกากแห้ง ซึ่งเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ (มากกว่า 50 m3/ตันกากสด)
งานวิจัยยังให้ความสำคัญกับการประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผลการประเมินแสดงให้เห็นว่าการใช้กากมันสำปะหลังผลิตก๊าซชีวภาพช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมาก ประมาณ 500-1,000 เท่า เมื่อเทียบกับการขายกากมันสำปะหลังแบบเปียกหรือแบบแห้ง การลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบจะช่วยลดระยะเวลาคืนทุน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดให้โรงงานแป้งมันอื่นๆ นำเทคโนโลยีนี้ไปใช้
โดยสรุป งานวิจัยนี้มีประโยชน์อย่างมากต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตก๊าซชีวภาพจากกากมันสำปะหลัง โดยการศึกษาหาค่าพารามิเตอร์ที่เหมาะสม การพัฒนาระบบสาธิตขนาดอุตสาหกรรม และการประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม งานวิจัยนี้เป็นแบบจำลองที่ดีสำหรับการนำของเสียทางการเกษตรมาใช้ประโยชน์ และช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม จากการกำจัดกากมันสำปะหลังปริมาณมาก นอกจากนี้ยังสามารถนำไปต่อยอดพัฒนาในด้านอื่นๆ เช่น การศึกษาชนิดและปริมาณของจุลินทรีย์ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตก๊าซชีวภาพให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงการหาแหล่งไนโตรเจนอื่นๆ ที่มีราคาถูกกว่าเพื่อใช้ทดแทน
งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมใด
งานวิจัยนี้เหมาะอย่างยิ่งกับ อุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลัง เนื่องจากกากมันสำปะหลังเป็นผลพลอยได้ปริมาณมหาศาลจากกระบวนการผลิตแป้งมันสำปะหลัง และเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตก๊าซชีวภาพตามงานวิจัยนี้ การนำกากมันสำปะหลังมาใช้ประโยชน์ในการผลิตก๊าซชีวภาพจะช่วยลดต้นทุนการกำจัดของเสีย เพิ่มมูลค่าให้กับผลพลอยได้ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังเหมาะกับ อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน เพราะก๊าซชีวภาพที่ได้สามารถนำไปใช้เป็นพลังงานทดแทนได้ และอาจเหมาะกับ อุตสาหกรรมเกษตรกรรม ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตพืชผลทางการเกษตรอื่นๆ ที่มีของเสียคล้ายคลึงกัน ซึ่งอาจสามารถนำมาปรับใช้เทคนิคการผลิตก๊าซชีวภาพจากงานวิจัยนี้ได้
งานวิจัยนี้เหมาะกับอาชีพใด
งานวิจัยนี้เหมาะกับผู้ที่มีอาชีพในหลายสาขา อาทิเช่น วิศวกรโยธา หรือ วิศวกรเคมี ที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบและติดตั้งระบบผลิตก๊าซชีวภาพ นักวิทยาศาสตร์ หรือ นักวิจัย ที่ทำงานด้านจุลินทรีย์วิทยา ชีวเคมี หรือวิศวกรรมชีวภาพ เนื่องจากงานวิจัยนี้เกี่ยวข้องกับการศึกษาสรีรวิทยาของจุลินทรีย์และการควบคุมกระบวนการทางชีวเคมี นักเศรษฐศาสตร์ หรือ นักวิเคราะห์ธุรกิจ สามารถนำงานวิจัยนี้ไปวิเคราะห์ความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ของการลงทุนในระบบผลิตก๊าซชีวภาพ และ ผู้ประกอบการ ที่สนใจลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน หรือผู้ประกอบการโรงงานแป้งมันสำปะหลังเอง สามารถนำความรู้จากงานวิจัยนี้ไปประยุกต์ใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิต
| รหัสโครงการ : | 179677 |
| หัวหน้าโครงการ : | ดร. ถาวร รัตติทิวาพาณิชย์ |
| ปีงบประมาณ : | 2565 |
| หน่วยงาน : | สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) |
| สาขาวิจัย : | กลุ่มข้อมูลด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี |
| ประเภทโครงการ : | แผนงาน หรือชุดโครงการ |
| สถานะ : | ปิดโครงการ |
| คำสำคัญ : | |
| วัตถุประสงค์ : | พัฒนาขั้นตอนสำหรับการเพิ่มอุณหภูมิและการควบคุมอุณหภูมิ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบผลิตก๊าซชีวภาพจากกากมันสำปะหลัง ศึกษาสัดส่วนของสารอาหาร (C/N ratio) ที่เหมาะสมต่อการทำงานของระบบผลิตก๊าซชีวภาพจากกากมันสำปะหลังที่อุณหภูมิสูง ค้นหาวัตถุดิบชนิดอื่นที่สามารถใช้เป็นแหล่งของไนโตรเจนให้กับระบบระบบผลิตก๊าซชีวภาพจากกากมันสำปะหลังที่อุณหภูมิสูง ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ การพัฒนาระบบผลิตก๊าซชีวภาพจากกากมันสำปะหลังที่อุณหภูมิสูงขนาดอุตสาหกรรม ที่มีประสิทธิภาพการผลิตก๊าซชีวภาพมากกว่า 50 m3/ตันกากสด ศึกษาผลของอุณหภูมิ และปริมาณสารอาหารต่อการเปลี่ยนแปลงกลุ่มประชากรจุลินทรีย์ภายในระบบผลิตก๊าซชีวภาพจากกากมันสำปะหลัง ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตก๊าซชีวภาพจากกากมันสำปะหลังและควบคุมระบบให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีเสถียรภาพ |
ดร. ถาวร รัตติทิวาพาณิชย์. (2565). การพัฒนาระบบสาธิตขนาดอุตสาหกรรมเพื่อการผลิตก๊าซชีวภาพจากกากมันสำปะหลังที่อุณหภูมิสูง(ชื่อเดิม: การพัฒนาระบบสาธิตขนาดอุตสาหกรรมและถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตก๊าซชีวภาพจากกากมันสำปะหลังที่อุณหภูมิสูง). สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.). กรุงเทพมหานคร, เลย.
ดร. ถาวร รัตติทิวาพาณิชย์. 2565. "การพัฒนาระบบสาธิตขนาดอุตสาหกรรมเพื่อการผลิตก๊าซชีวภาพจากกากมันสำปะหลังที่อุณหภูมิสูง(ชื่อเดิม: การพัฒนาระบบสาธิตขนาดอุตสาหกรรมและถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตก๊าซชีวภาพจากกากมันสำปะหลังที่อุณหภูมิสูง)". สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.). กรุงเทพมหานคร, เลย.
ดร. ถาวร รัตติทิวาพาณิชย์. "การพัฒนาระบบสาธิตขนาดอุตสาหกรรมเพื่อการผลิตก๊าซชีวภาพจากกากมันสำปะหลังที่อุณหภูมิสูง(ชื่อเดิม: การพัฒนาระบบสาธิตขนาดอุตสาหกรรมและถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตก๊าซชีวภาพจากกากมันสำปะหลังที่อุณหภูมิสูง)". สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.), 2565. กรุงเทพมหานคร, เลย.
ดร. ถาวร รัตติทิวาพาณิชย์. การพัฒนาระบบสาธิตขนาดอุตสาหกรรมเพื่อการผลิตก๊าซชีวภาพจากกากมันสำปะหลังที่อุณหภูมิสูง(ชื่อเดิม: การพัฒนาระบบสาธิตขนาดอุตสาหกรรมและถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตก๊าซชีวภาพจากกากมันสำปะหลังที่อุณหภูมิสูง). สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.); 2565. กรุงเทพมหานคร, เลย.