การพัฒนาระบบการจัดการโลจิสติกส์โซ่ความเย็นสำหรับโซ่อุปทานสุขภาพของประเทศไทย
บทวิเคราะห์งานวิจัย
งานวิจัยนี้มุ่งเน้นการพัฒนาระบบการจัดการโลจิสติกส์โซ่ความเย็นสำหรับโซ่อุปทานสุขภาพของประเทศไทย ซึ่งเป็นงานวิจัยที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ไวต่ออุณหภูมิ เช่น โลหิต วัคซีน และยา งานวิจัยนี้ครอบคลุมมิติต่างๆ ที่สำคัญของโซ่ความเย็นอย่างครบถ้วน เริ่มตั้งแต่การศึกษาและออกแบบระบบการจัดการโลจิสติกส์สำหรับแต่ละประเภทผลิตภัณฑ์ (โลหิต ยา วัคซีน) จนถึงการบูรณาการระบบต่างๆ เข้าด้วยกันเพื่อสร้างแนวทางการจัดการโลจิสติกส์โซ่ความเย็นที่ครอบคลุมสำหรับประเทศไทย
จุดเด่นของงานวิจัยนี้คือการคำนึงถึงทั้งประสิทธิภาพและต้นทุน การพัฒนาแผนการเพิ่มศักยภาพตลอดโซ่ความเย็นไม่เพียงแต่ช่วยรักษาคุณภาพผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังมุ่งลดต้นทุนในกิจกรรมโลจิสติกส์ด้วย การพัฒนาระบบติดตามและตรวจสอบย้อนกลับมีความสำคัญอย่างมากต่อการควบคุมคุณภาพและการรับประกันความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ หากเกิดปัญหาสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ยิ่งไปกว่านั้น การพัฒนาระบบสนับสนุนการตัดสินใจ (Decision Support System) ทั้งด้านการขนส่งและการวิเคราะห์ความต้องการ จะช่วยให้การบริหารจัดการโซ่ความเย็นมีประสิทธิภาพมากขึ้น การพยากรณ์ความต้องการล่วงหน้าจะช่วยลดการสูญเสียจากการเก็บรักษาสินค้าคงคลังที่มากเกินไปหรือขาดแคลน
นอกจากนี้ การพัฒนานวัตกรรมกล่องควบคุมอุณหภูมิสำหรับการขนส่งเป็นอีกหนึ่งผลงานที่น่าสนใจ การมีกล่องควบคุมอุณหภูมิที่มีประสิทธิภาพจะช่วยรักษาคุณภาพผลิตภัณฑ์ตลอดกระบวนการขนส่ง ซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญในการลดความเสี่ยงต่อความเสียหายของผลิตภัณฑ์และการสูญเสีย ผลการวิจัยแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ทางการเงินที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโครงการย่อยที่เกี่ยวข้องกับโลหิต ซึ่งมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนสูงถึง 193% แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการลงทุนและการประยุกต์ใช้ผลงานวิจัยในเชิงพาณิชย์ การลดต้นทุนการขนส่งพลาสม่าในโครงการย่อยที่ 2 คิดเป็นสัดส่วนที่ลดลง 7.75% ก็เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของระบบที่พัฒนาขึ้น
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยอาจต้องพิจารณาถึงความท้าทายในการนำผลงานวิจัยไปใช้ในทางปฏิบัติ เช่น การรับรู้และการยอมรับของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง การฝึกอบรมบุคลากร และการปรับปรุงระบบงานที่มีอยู่ การสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ ในระบบสุขภาพก็มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในการนำระบบโลจิสติกส์โซ่ความเย็นที่พัฒนาขึ้นไปใช้ การศึกษาความยั่งยืนของระบบในระยะยาวและการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตก็เป็นสิ่งที่ควรพิจารณา แม้ว่างานวิจัยนี้จะมุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์หลักๆ การขยายขอบเขตไปสู่ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์อื่นๆ ที่ต้องควบคุมอุณหภูมิก็จะเป็นการเพิ่มมูลค่าและประโยชน์ของงานวิจัยได้อย่างมาก
งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมใด
งานวิจัยนี้เหมาะอย่างยิ่งกับ อุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิต การจัดเก็บ การขนส่ง และการกระจายผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ไวต่ออุณหภูมิ เช่น บริษัทยา โรงพยาบาล ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ และบริษัทขนส่งสินค้าทางการแพทย์ เหตุผลก็เพราะงานวิจัยนี้มุ่งเน้นการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพของโซ่ความเย็น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการรักษาคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ การลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการโลจิสติกส์จะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้ นอกจากนี้ ระบบติดตามและตรวจสอบย้อนกลับจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและหน่วยงานกำกับดูแล และการพัฒนานวัตกรรมกล่องควบคุมอุณหภูมิจะช่วยยกระดับมาตรฐานการขนส่งผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ให้ดียิ่งขึ้น
งานวิจัยนี้เหมาะกับอาชีพใด
งานวิจัยนี้เหมาะสมกับผู้ที่มีอาชีพในด้านต่อไปนี้:
- ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน: งานวิจัยนี้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการจัดการโซ่ความเย็นอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการวางแผนและบริหารจัดการโซ่อุปทาน การวิเคราะห์ข้อมูลและการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์
- วิศวกรด้านระบบควบคุมอุณหภูมิ: การพัฒนานวัตกรรมกล่องควบคุมอุณหภูมิเป็นส่วนสำคัญของงานวิจัย ดังนั้น วิศวกรในสาขานี้จะได้รับประโยชน์จากการศึกษางานวิจัยนี้ เพื่อพัฒนาและปรับปรุงเทคโนโลยีด้านการควบคุมอุณหภูมิต่อไป
- ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analyst): การใช้ระบบสนับสนุนการตัดสินใจจำเป็นต้องอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้สามารถนำความรู้จากงานวิจัยไปประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล พยากรณ์ความต้องการ และการวางแผนการจัดการสินค้าคงคลัง
- นักวิทยาศาสตร์ด้านการแพทย์และเภสัชกร: การรักษาคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์มีความสำคัญอย่างยิ่ง งานวิจัยนี้จะช่วยให้เข้าใจถึงความสำคัญของการควบคุมอุณหภูมิและการจัดการโซ่ความเย็นอย่างถูกวิธี
- ผู้บริหารในอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ: งานวิจัยนี้จะช่วยให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการลงทุน การปรับปรุงกระบวนการทำงาน และการเพิ่มประสิทธิภาพของโซ่อุปทาน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจและการดูแลสุขภาพที่ดีขึ้น
| รหัสโครงการ : | 7284 |
| หัวหน้าโครงการ : | นางจิราวรรณ เนียมสกุล |
| ปีงบประมาณ : | 2563 |
| หน่วยงาน : | มหาวิทยาลัยศรีปทุม |
| สาขาวิจัย : | กลุ่มข้อมูลด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี |
| ประเภทโครงการ : | แผนงาน หรือชุดโครงการ |
| สถานะ : | ปิดโครงการ |
| คำสำคัญ : | |
| วัตถุประสงค์ : | 1. พัฒนาแผนการเพิ่มศักยภาพตลอดโซ่ความเย็นของโซ่อุปทานสุขภาพ เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในกิจกรรมโลจิสติกส์2. ร่วมพัฒนาระบบติดตามและตรวจสอบย้อนกลับผลิตภัณฑ์โซ่ความเย็นของผลิตภัณฑ์วัคซีน ยา และโลหิต3. ร่วมพัฒนาระบบการวิเคราะห์รูปแบบอุปสงค์และการวิเคราะห์นโยบายคงคลังของผลิตภัณฑ์โลหิตและยา4. ร่วมออกแบบและพัฒนานวัตกรรมด้านอุปกรณ์การจัดเก็บผลิตภัณฑ์ในโซ่ความเย็นสุขภาพ เพื่อรักษาคุณภาพผลิตภัณฑ์และต้นทุนที่ยอมรับได้ |
นางจิราวรรณ เนียมสกุล. (2563). การพัฒนาระบบการจัดการโลจิสติกส์โซ่ความเย็นสำหรับโซ่อุปทานสุขภาพของประเทศไทย. มหาวิทยาลัยศรีปทุม. กรุงเทพมหานคร, ชลบุรี, นครปฐม, นนทบุรี, อุบลราชธานี.
นางจิราวรรณ เนียมสกุล. 2563. "การพัฒนาระบบการจัดการโลจิสติกส์โซ่ความเย็นสำหรับโซ่อุปทานสุขภาพของประเทศไทย". มหาวิทยาลัยศรีปทุม. กรุงเทพมหานคร, ชลบุรี, นครปฐม, นนทบุรี, อุบลราชธานี.
นางจิราวรรณ เนียมสกุล. "การพัฒนาระบบการจัดการโลจิสติกส์โซ่ความเย็นสำหรับโซ่อุปทานสุขภาพของประเทศไทย". มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2563. กรุงเทพมหานคร, ชลบุรี, นครปฐม, นนทบุรี, อุบลราชธานี.
นางจิราวรรณ เนียมสกุล. การพัฒนาระบบการจัดการโลจิสติกส์โซ่ความเย็นสำหรับโซ่อุปทานสุขภาพของประเทศไทย. มหาวิทยาลัยศรีปทุม; 2563. กรุงเทพมหานคร, ชลบุรี, นครปฐม, นนทบุรี, อุบลราชธานี.