การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและปริมาณตะกอนในลุ่มน้ำน่านส่วนบน ระยะที่ 2
บทวิเคราะห์งานวิจัย
งานวิจัยเรื่อง "การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและปริมาณตะกอนในลุ่มน้ำน่านส่วนบน ระยะที่ 2" เป็นงานวิจัยเชิงประยุกต์ที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาการชะล้างพังทลายของดินและการเพิ่มขึ้นของตะกอนในลุ่มน้ำน่านส่วนบน ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ งานวิจัยนี้ใช้ข้อมูลเชิงปริมาณและแบบจำลองคอมพิวเตอร์ในการวิเคราะห์และคาดการณ์ผลกระทบ โดยอาศัยข้อมูลจากแบบจำลองภูมิอากาศโลกสามแบบ (CRNM-CM5, GFDL-CM3 และ MIR-OC5) ภายใต้สถานการณ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสองระดับ (RCP 4.5 และ RCP 8.5) การวิเคราะห์การใช้ที่ดินนั้นอิงจากสองแนวทางหลัก คือ แนวทางโครงการน่านแซนด์บ็อกซ์ และแนวทางการรักษาสมดุลของระบบนิเวศลุ่มน้ำ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการนำแนวทางการจัดการที่ดินที่ยั่งยืนมาใช้ในการศึกษา
จุดแข็งของงานวิจัยนี้คือการใช้แบบจำลอง Soil loss (RUSLE) และแบบจำลอง Sedimentation ในการประเมินปริมาณการชะล้างพังทลายของดินและตะกอน การใช้แบบจำลองช่วยให้สามารถคาดการณ์ผลกระทบในอนาคตได้อย่างเป็นระบบ และการเปรียบเทียบผลลัพธ์ภายใต้สถานการณ์การใช้ที่ดินที่แตกต่างกัน เช่น การใช้ที่ดินตามแนวทางโครงการน่านแซนด์บ็อกซ์และแนวทางการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ ช่วยให้สามารถประเมินประสิทธิภาพของแนวทางการจัดการที่ดินต่างๆ ได้อย่างชัดเจน การนำเสนอผลลัพธ์เป็นตัวเลขเปอร์เซ็นต์การเพิ่มขึ้นหรือลดลงของปริมาณตะกอน ช่วยให้เข้าใจผลกระทบได้ง่ายและสามารถนำไปใช้ในการวางแผนการจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้ยังมีข้อจำกัดบางประการ เช่น การศึกษาเน้นเฉพาะลุ่มน้ำน่านส่วนบน อาจไม่สามารถนำผลลัพธ์ไปใช้กับพื้นที่อื่นได้โดยตรง การเลือกใช้แบบจำลองภูมิอากาศเพียงสามแบบอาจไม่ครอบคลุมความไม่แน่นอนของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการศึกษาไม่ได้พิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่อาจมีผลต่อการชะล้างพังทลายของดินและการเพิ่มขึ้นของตะกอน เช่น การเปลี่ยนแปลงประชากร นโยบายของรัฐบาล และเทคโนโลยีการเกษตรใหม่ๆ แม้ว่างานวิจัยนี้จะเสนอแนวทางการปรับตัว เช่น การใช้ที่ดินตามแนวทางโครงการน่านแซนด์บ็อกซ์และการรักษาสมดุลระบบนิเวศ แต่รายละเอียดการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมอาจยังไม่ครบถ้วน การศึกษาในระยะต่อไปควรขยายขอบเขตการศึกษาไปยังพื้นที่อื่นๆ พิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และเสนอรายละเอียดการดำเนินงานเชิงปฏิบัติการให้มากขึ้น เพื่อให้สามารถนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ การศึกษาถึงความเป็นไปได้และความยั่งยืนทางเศรษฐกิจของแนวทางการปรับตัวที่เสนอ ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ผลการวิจัยมีประโยชน์มากยิ่งขึ้น
งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมใด
งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมด้านการเกษตร การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และสิ่งแวดล้อม เพราะผลการวิจัยสามารถนำไปใช้ในการวางแผนการใช้ที่ดิน การพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตรที่เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศ และการบริหารจัดการลุ่มน้ำเพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อุตสาหกรรมประกันภัยก็สามารถนำผลการวิจัยไปประเมินความเสี่ยงภัยธรรมชาติ และออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่เหมาะสมกับพื้นที่เสี่ยงต่อการชะล้างพังทลายของดิน นอกจากนี้ อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ อาจนำผลการวิจัยไปใช้ในการวางแผนการติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โดยพิจารณาพื้นที่เสี่ยงต่อการชะล้างพังทลายของดิน เพื่อให้การลงทุนมีความยั่งยืน
งานวิจัยนี้เหมาะกับอาชีพใด
งานวิจัยนี้เหมาะกับนักวิชาการ นักวิจัย เจ้าหน้าที่รัฐ เกษตรกร และผู้ประกอบการ นักวิชาการและนักวิจัยสามารถนำผลการวิจัยไปต่อยอด เพื่อพัฒนาระบบการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ เจ้าหน้าที่รัฐสามารถนำผลการวิจัยไปใช้ในการวางแผนและกำหนดนโยบายการจัดการลุ่มน้ำ เกษตรกรสามารถนำผลการวิจัยไปปรับปรุงวิธีการเพาะปลูก เพื่อลดการชะล้างพังทลายของดิน และผู้ประกอบการสามารถนำผลการวิจัยไปพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ดินและน้ำ
| รหัสโครงการ : | 7207 |
| หัวหน้าโครงการ : | นายพีรวัฒน์ ปลาเงิน |
| ปีงบประมาณ : | 2563 |
| หน่วยงาน : | มหาวิทยาลัยสยาม |
| สาขาวิจัย : | กลุ่มข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ |
| ประเภทโครงการ : | โครงการเดี่ยว |
| สถานะ : | ปิดโครงการ |
| คำสำคัญ : | |
| วัตถุประสงค์ : | วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินระหว่างอดีตและปัจจุบันในพื้นที่ลุ่มน้ำยมส่วนบนและลุ่มน้ำน่านส่วนบน คาดการณ์การชะล้างพังทลายของดินและปริมาณตะกอนเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และจัดทำแผนที่เสี่ยงภัยการชะล้างพังทลายของดินและการทับถมของตะกอนในพื้นที่ลุ่มน้ำยมส่วนบน ศึกษาผลกระทบการใช้ที่ดินต่อการชะล้างพังทลายของดินและปริมาณตะกอนในพื้นที่ลุ่มน้ำน่านส่วนบน และจัดทำแผนที่เสี่ยงภัยการชะล้างพังทลายของดินและการทับถมของตะกอนเนื่องจากการใช้ที่ดินในลุ่มน้ำน่านส่วนบน เสนอแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายใต้การใช้ที่ดินเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและลดปริมาณตะกอนในพื้นที่ลุ่มน้ำน่านส่วนบน |
นายพีรวัฒน์ ปลาเงิน. (2563). การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและปริมาณตะกอนในลุ่มน้ำน่านส่วนบน ระยะที่ 2. มหาวิทยาลัยสยาม. น่าน, พะเยา, แพร่, ลำปาง.
นายพีรวัฒน์ ปลาเงิน. 2563. "การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและปริมาณตะกอนในลุ่มน้ำน่านส่วนบน ระยะที่ 2". มหาวิทยาลัยสยาม. น่าน, พะเยา, แพร่, ลำปาง.
นายพีรวัฒน์ ปลาเงิน. "การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและปริมาณตะกอนในลุ่มน้ำน่านส่วนบน ระยะที่ 2". มหาวิทยาลัยสยาม, 2563. น่าน, พะเยา, แพร่, ลำปาง.
นายพีรวัฒน์ ปลาเงิน. การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและปริมาณตะกอนในลุ่มน้ำน่านส่วนบน ระยะที่ 2. มหาวิทยาลัยสยาม; 2563. น่าน, พะเยา, แพร่, ลำปาง.